ดูเหมือนนาทีนี้การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 มีความเสี่ยงสูง ที่จะแพร่ระบาดอย่างหนักไปทั่วทุกมุมโลก แถมใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที นับวันยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น ผู้คนต่างหวาดระแวงมากขึ้น ซึ่งหลายหน่วยงานต่างเฝ้าระวัง เผ้าติดตาม และออกประกาศมาตรการป้องกันในทุกช่องทางอย่างเข้มงวด แม้แต่ประเทศไทยก็เป็นกลุ่มเสี่ยงของระบาดของไวรัส COVID-19 วันนี้เรามาอัพเดทกันว่าตอนนี้สถานการณ์ไวรัส COVID-19 ทั่วโลก ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง มีเรื่องไหนที่คุณควรรู้บ้าง ไปดูกันครับ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังน่าเป็นห่วง ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นโรคติดต่ออันตรายแล้ว ตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความกังวลใจให้กับคนทั้งโลก วันนี้เราได้รวบรวมจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากทั่วโลกมาให้ดูกันว่า ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง มาอัพเดทกันครับ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 63)
ที่มาของข้อมูล : worldometers.info/coronavirusองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ระบุว่าระยะเวลาฟักตัวของไวรัส COVID-19 โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 1-14 วัน ก่อนที่จะแสดงอาการออกมา และในระหว่างที่ฟักตัวนั้น สามารถติดต่อถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่นได้
แต่ล่าสุดทางการท้องถิ่นของจีนเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัส COVID-19 อาจมีระยะฟักตัวนานถึง 27 วัน มากกว่าระยะฟักตัวเดิมที่คาดไว้เกือบเท่าตัว เพราะมีรายงานว่าตรวจพบการติดเชื้อของชายสูงอายุวัย 70 ปีรายหนึ่ง ซึ่งไม่ได้แสดงอาการป่วยในช่วงระยะฟักตัวประมาณ 14 วัน แต่กลับพบการติดเชื้อในวันที่ 27
อย่างไรก็ตาม ให้คอยติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวอัพเดทสถานการณ์ไวรัส COVID-19 อยู่เสมอ และหมั่นคอยระมัดระวังป้องกันตัวเองจาก COVID-19 ไม่ว่าจะด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลล้างมือ นอกจากนี้การทำประกันสุขภาพไว้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสในขณะนี้
ที่มาของข้อมูล : thestandard.co, matichon.co.th, news.thaipbs.or.thการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แพร่กระจายลุกลามไปเกือบทุกภูมิภาคของโลก ยอดตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยขณะนี้ประเทศไทยสถานการณ์การระบาดอยู่ในระยะ 2 เรามาดูกันว่า ความรุนแรงของ การระบาดของไวรัส COVID-19 ในแต่ระยะมีความหมายอย่างไรบ้าง ระยะที่ 1 คือการไม่ติดเชื้อในประเทศ ผู้ติดเชื้อต้องเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดหรือพื้นที่ที่มีการระบาด ตัวอย่างเช่น ไทยพบผู้ติดเชื้อคนจีนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันที่ 13 มกราคม ถือเป็นการระบาดระยะที่ 1
ระยะที่ 2 คือการเริ่มมีการติดเชื้อจากคนสู่คนภายในประเทศ ซึ่งประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 2 จากการที่โชเฟอร์แท็กซี่ติดเชื้อจากผู้โดยสารชาวจีนเมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา
ระยะที่ 3 คือการระบาดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว และ ติดต่อกันเป็นวงกว้าง ตัวอย่างเช่นการระบาดในเกาหลีใต้, จีน, และ ญี่ปุ่น
เพื่อหยุดหรือยืดระยะเวลาเข้าสู่เฟสที่ 3 ช่วยกันควบคุมการระบาด ด้วยการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อยู่ห่างไกลคนไอ จาม หลีกเลี่ยงสถานที่มีการจัดกิจกรรมและมีชุมนุมชนจำนวนมาก ทุกครั้งที่ป่วย ไอ จาม ต้องใส่หน้ากากอนามัย ตลอดเวลา และรีบไปพบแพทย์ รวมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดแก่แพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงท่องเที่ยวต่างแดนที่หลายๆ คนวางแผนไว้ล่วงหน้า และออกเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจกันหลายต่อหลายวัน ไม่ว่าจะ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ หรือฮ่องกง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งสิ้น จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยกังวลถึงความเสี่ยงที่อาจเพิ่มการระบาดของโรค ดังนั้นใครที่พึ่งเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงการระบาดของ COVID–19 ให้รับผิดชอบต่อสังคม ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
สำหรับท่านที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้ หากเลี่ยงได้ ขอให้เลี่ยง หากยังยืนยันจะเดินทางไป ขอความร่วมมือแจ้งข้อมูลการเดินทางทุกๆ เมือง ทุกๆ ประเทศ ที่ท่านไป แก่เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคที่สนามบิน และหากมีอาการป่วย เป็นไข้ ต้องให้ความร่วมมือกับแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายด้วย
การใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ พกเจลล้างมือ กินร้อนช้อนกลาง ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ เป็นวิธีป้องกันตนเองในเบื้องต้น ที่ทุกคนควรปฏิบัติ ฝึกให้เป็นนิสัย หลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการเดินทางไปยังประเทศเสี่ยงระบาดออกไปก่อน หากจำเป็นต้องไปจริงๆ หลังจากกลับมาแล้วแจ้งข้อมูลการเดินทางกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด และอยู่บ้านเฝ้าระวังอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน หากมีอาการป่วย เป็นไข้ เป็นหวัด ในระหว่างที่เฝ้าระวังอาการควรรีบพบแพทย์ทันที ทางที่ดีควรทำประกันสุขภาพติดตัวไว้ เพื่อเริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายไป ด้วยประกันสุขภาพ ฟินชัวรันส์ ที่ให้ความคุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งครอบคลุมการเจ็บป่วยจากไวรัส COVID-19 และยังให้ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก(OPD)ไม่จำกัดครั้ง สูงสุดถึง 50,000 บาทต่อปี ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มา ก็คุ้มครองได้